วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

บทที่ 7 ศาสนายิว

ศาสนายิว



      ศาสนายูดาห์ หรือศาสนายิว(อังกฤษ: Judaism) คือวิถีชีวิต ปรัชญา และศาสนาประเภทเอกเทวนิยมตามความเชื่อของชาวยิว มีต้นกำเนิดในคัมภีร์ฮีบรู (หรือคัมภีร์ทานัค) รวมถึงคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น คัมภีร์ทาลมุด ศาสนิกชนยูดาห์ถือว่าวิถีนี้เป็นพันธสัญญาระหว่างพระยาห์เวห์กับวงศ์วานอิสราเอล ศาสนายูดาห์แบบรับบีถือว่าพระยาห์เวห์ได้ประทานธรรมบัญญัติที่เรียกว่าคัมภีร์โทราห์แก่โมเสสที่ภูเขาซีนาย
ศาสนายูดาห์มีความเป็นมายาวนานกว่าสามพันปี (นับจากสมัยอับราฮัม) จึงถือเป็นศาสนาเอกเทวนิยมที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังดำรงอยู่ในปัจจุบัน ในคัมภีร์ทานัคที่เขียนขึ้นในยุคหลัง เช่น หนังสือเอสเธอร์ เรียกชาวฮีบรูหรือวงศ์วานอิสราเอลว่าชาวยิว คัมภีร์ของศาสนายูดาห์ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อศาสนาอับราฮัมยุคหลังด้วย คือ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาบาไฮ รวมทั้งมีอิทธิพลต่อจริยธรรมและระบบซีวิลลอว์ตะวันตกทั้งทางตรงและทางอ้อม
       ชาวยิวเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ศาสนา ซึ่งหมายรวมทั้งที่เป็นชาวยิวโดยกำเนิดและและคนที่เข้ารีตยิว ในปี ค.ศ. 2010 ประชากรยิวทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 13.4 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 0.2 ของประชากรโลกทั้งหมด ชาวยิว 42% อาศัยอยู่ที่ประเทศอิสราเอล อีก 42% อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา ที่เหลือส่วนมากอาศัยอยู่ในทวีปยุโรปขบวนการศาสนายูดาห์ที่ใหญ่ที่สุดคือศาสนายูดาห์ออร์ทอดอกซ์ ศาสนายูดาห์อนุรักษนิยม และศาสนายูดาห์ปฏิรูป แต่ละกลุ่มมีการตีความธรรมบัญญัติแตกต่างกันไป ศาสนายูดาห์ออร์ทอดอกซ์ถือว่าคัมภีร์โทราห์และธรรมบัญญัติมาจากพระเป็นเจ้า เป็นนิรันดร์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงต้องถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ศาสนายูดาห์อนุรักษนิยมและศาสนายูดาห์ปฏิรูปจะมีแนวคิดแบบเสรีนิยมมากกว่า ศาสนายูดาห์ปฏิรูปถือว่าธรรมบัญญัติต่าง ๆ เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไป ไม่ใช่ข้อบังคับหรือพันธะ การตีความคำสอนและข้อบัญญัติต่าง ๆ ในศาสนายูดาห์ไม่เป็นสิทธิ์ขาดแก่บุคคลหรือองค์การใดโดยเฉพาะ แต่ยึดตามตัวบทในพระคัมภีร์และตามแต่รับบีหรือนักวิชาการจะตีความกันโดยเฉพาะ


พิธีกรรมที่สำคัญในศาสนายิว
      1.วันสะบาโต (Sabbath) คือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ ถือเป็นวันบริสุทธิ์ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ทุกอย่างได้ถือว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อน เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ทำกิจกรรมที่เป็นกุศล เช่น การสวดมนต์อธิษฐานภาวนาการอ่านพระคัมภีร์ และขอบคุณพระเจ้า
     2.พิธีปัสคา (Pesach) เป็นพิธีกรรมที่เกิดในสมัยโมเสสเมื่อคืนวันก่อนที่โมเสสจะพาพวกยิวอพยพจาก อียิปต์ พระเจ้าทรงส่งให้พวกยิวฆ่าแกะทำเป็นอาหารรับประทานกับขนมปังที่ไม่มีเชื้อ และต้องรับประทานให้หมดวันเดียว แล้วให้ทุบหม้อไห และเครื่องครัวทั้งหมดแล้วให้เอาเลือดแกะป้ายไว้ที่หน้าประตูเพราะในเวลา กลางคืน พระเจ้าจะส่งฑูตมรณะมาฆ่าทุกคนที่ไม่ใช่ยิว ถ้าประตูหน้าของใครมีเลือดแกะทาอยู่ทูตมรณะจะข้ามไป จึงเรียกว่า “ปัสคา” แปลว่า “ข้ามไป”ชาวยิวฉลองวันนี้ด้วยการเลี้ยงใหญ่ และอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าพิธีนี้ใช้เวลา 8 วัน ในวันสุดท้ายมีการฉลองใหญ่และทุกคนก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่า “ ปีนี้พบกันที่เยรูซาเลม”
     3.พิธีเซเดอร์ (Seder) พิธีเซเดอร์เป็นพิธีเมืองที่สำคัญที่สุดในศาสนายิวกระทำในคืนแรกและคืนที่ สองของพิธีปัสคา ประกอบด้วยการนับวันที่พวกยิวอพยพจากอียิปต์ใหม่ เลี้ยงฉลองในงานรื่นเริงด้วย “คิดดุช” (Kiddush) แล้วอวยพรด้วยการราดเหล้าไวน์บนขยมปังบิดามารดามักจะอวยพรให้กับเด็กๆ
      4.วันแห่งการแก้ไข (Day of Atonement) ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันแห่งการแก้ไขความประพฤติ จะทำพิธีในโบสถ์แห่งเยรูซาเลม พระผู้ใหญ่จะเป็นผู้ทำพิธีล้างบาปให้ เมื่อเสร็จพิธีล้างบาปจะมีการเป่าเขาพร้อมกับการยืนยันว่า “เจ้านายของตนคือพระเจ้า” พระจะกล่าวคำขอโทษจากพระเจ้า ทั้งสำหรับตัวเองและชาวอิสราเองทุกคน ดังนั้นวันแห่งการล้างบาปจึงถือว่าเป็นโอกาสดีของผู้ที่ทำผิดแล้วเสียใจใน ความผิดที่ได้ทำลงไป ในเย็นวันนั้นจะมีพิธีกรรมที่เรียกว่า คอลนิดไร (Koi – Nidrei) ทุกคนตั้งสัตย์อธิษฐานเป็นการยกเลิกคำอธิษฐานเดิมที่ได้ทำลงไปแล้วโดยถูก บังคับกดขี่
        นอกจากพิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีพิธีอื่นๆ อีกมาก เช่น พิธีฉลองปีใหม่ พิธีฉลองพืชผลในฤดูเก็บเกี่ยวในพิธีกรรมสังเวยบูชาพระเจ้านั้นชาวยิวใช้พืชผลหัวเครื่องหมอบ้าง ฆ่ากำแพะสังเวยบ้าง ศูนย์กลางศาสนาของยิวถือกรุงเยรูซาเลม เป็นนครอันศักดิ์สิทธิ์






นิกายในศาสนายิวมี 4 นิกาย 
      1. นิกายออร์ธอดอกซ์ (Orthodox) นับถือศาสนาเป็นแบบประเพณีนิยม มีมุขนายกเป็นหัวหน้าเน้นความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์โทราห์ และกฏหมายทัลมุดอย่างเคร่งครัดตามตัวอักษรถือวินัยข้อบังคับ 613 ข้อ รักษาชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ จำกัดอาหารบางประเภทพยายามดำรงชีวิตอยู่อย่างบรรพบุรุษทุกประการ ไม่เปลี่ยนแปลงประเพณีโบราณ ถือว่าประเทศอิสราเอลเป็นแผ่นดินสัญญาและมาตุภูมิของตนที่พระเจ้าได้ทรง ประทานแล้ว      2. นิกายปฏิรูป (Reform) ส่วนใหญ่เป็นปัญญาชนสมัยใหม่ ถือว่าพระคัมภีร์และกฎหมายรวมทั้งประเพณีต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขปรับปรุงได้ แปลคัมภีร์ออกเป็นภาษาพื้นเมืองและภาษาต่างๆ ได้ และตีความให้เข้ากับกาลสมัย ยกเลิกข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติโบราณที่ขัดแย้งกับชีวิตสมัยใหม่ ย่นย่อพิธีกรรมให้กะทัดรัด เลิกพิธีสังเวยบูชาสมัยโบราณและการร้องเพลงในโบสถ์ ไม่เชื่อในการเสด็จมาของพระเมสิอาห์และการสร้างประเทศอิสราเอลใหม่เพราะถือ ว่าประเทศที่ตนเกิดก็คือมาตุภูมิของตน
      3. นิกายคอนเซอร์เวตีฟ (Conservative) เป็นนิกายที่พยายามเดินทางสายกลางระหว่างนิกายแรก กล่าวคือ ถือว่าศาสนายิวเป็นแก่นสำคัญของชีวิตชาวยิวทุกคน รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณไว้ให้มากที่สุด ส่วนใดล้าสมัยก็ค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไขภายในกรอบของกฎหมาย
      4. นิกายรีคอนสตรักชั่น (Reconstructionism) เป็นนิกายที่แยกตัวจากนิกายคอนเซอร์เวตีฟ ระหว่าง ค.ศ. 1920–40 ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาลัทธิปฏิบัตินิยม (Pragmatism) ลัทธิธรรมชาตินิยม (Naturalism) ของสหรัฐอเมริกา เป็นพวกหัวรุนแรงถืออิสระเสรีในการนับถือศาสนา และอนุโลมให้ปรับปรุงแก้ไขศาสนาให้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ได้

หลักธรรมของศาสนายิว
       หลักธรรมคำสอนที่สำคัญของศาสนายิว ที่นับว่ามีความสำคัญและชาวยิวใช้หลักคำสอนตามที่พระเจ้าสั่งหรือแจ้งลงมา ทางโมเสสเป็นหลัก ดังนี้
บัญญัติ 10 ประการ
      1. อย่าได้มีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเรา (พระยะโฮวา) เลย
      2. อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นสัณฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องต้น หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้ หรือปฏิบัติรูปเหล่านั้น ด้วยเรายะโฮวาพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าหวงแหน ให้โทษของบิดาที่ชังเรา (ยะโฮวา) นั้น ติดเนื่องจนถึงลูกหลานกระทั่งสามสี่ชั่วอายุคน แต่แสดงความกรุณาแก่ผู้รักเราและรักษาบัญญัติของเราถึงหลายพันชั่วอายุคน
     3. อย่าออกนามยะโฮวา พระเจ้าของเจ้าเปล่าๆ ด้วยผู้ที่ออกนามของพระองค์เล่นเปล่าๆ นั้น ยะโฮวาจะไม่ปรับโทษหามิได้
    4. จงนับถือวันซะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ตามคำยะโฮวา พระเจ้าของเจ้าได้ตรัสสั่งไว้แก่เจ้า จงทำการงานของเจ้าให้สำเร็จ ในระหว่างหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้น เป็นซะบาโตของยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการสิ่งใดๆ คือเจ้าเองหรือบุตราบุตรีของเจ้าหรือทาสาทาสีของเจ้า หรือตัวโคของเจ้าหรือตัวลาของเจ้า หรือบรรดาสัตว์ใช้ของเจ้า จงระลึกว่าเจ้าเป็นทาสในประเทศอายฆุปโต (อียิปต์)และยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ได้พาเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรเหยียดออกนั้น เหตุฉะนี้ ยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ได้บัญชาสั่งให้เจ้ารักษาวันซะบาโตนั้น
    5. จงนับถือบิดามารดาของตน ตามคำยะโฮวาตรัสสั่งนั้น เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และจำเริญอยู่บนแผ่นดินซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า
    6. อย่าฆ่าคน
    7. อย่าล่วงประเวณี สามีภรรยา
    8. อย่าลักทรัพย์
    9. อย่าเป็นพยานกล่าวความเท็จต่อเพื่อนบ้าน
10. อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน อย่าโลภเรือนของเพื่อนบ้านหรือไร่นาของเขา หรือทาสาของเขาหรือทาสีของเขาตัวโคหรือตัวลาของเขา หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นของเพื่อนบ้าน
     เกี่ยวกับการสร้างโลกและชีวิตข้อความในพระคัมภีร์เก่ากล่าวว่า เมื่อเดิมพระเจ้าได้นิรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ดินนั้นก็ว่างเปล่าอยู่ มีความมืดอยู่เหนือฟ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าได้ปกครองอยู่เหนือน้ำนั้น พระเจ้าทรงตรัสสั่งให้มีความสว่างเกิดขึ้น พระเจ้าเห็นว่า แสงสว่างนั้นดี จึงได้แยกความสว่างนั้นออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า “วัน” และทรงเรียกความมืดว่า “ คืน” มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่หนึ่ง
     พระเจ้าก็ทรงตรัสให้มีวันที่ 2-3-4-5-6-7 ตามลำดับ
           วันที่ 1 ทรงสร้างกลางวันและกลางคืน
           วันที่ 2 ทรงสร้างน้ำ อากาศ และสวรรค์
           วันที่ 3 ทรงสร้างแผ่นดิน
           วันที่ 4 ทรงสร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว
           วันที่ 5 ทรงสร้างสรรพสัตว์
           วันที่ 6 ทรงสร้างมนุษย์
           วันที่ 7 คือวันเสาร์ เป็นวันพักผ่อน และมนัสการพระเจ้า
      ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเนรมิต ฟ้า ดิน โลก สิ่งต่างๆขึ้นมาในโลกรวมทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ต่างๆ และมนุษย์ขึ้นไว้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ทรงระบายลมแห่งชีวิตเข้าทางจมูก ให้มีชีวิตหายใจเข้าออก มนุษย์จึงเกิดขึ้นเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ ทรงสร้างมนุษย์เป็นคนแรก เป็นชาย เรียกว่า อดัม และมนุษย์หญิงคนแรก เรียกว่า อีวา อาดัมและอีวา จึงกลายเป็นมนุษย์คนแรกของโลก และเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทั้งปวง


ที่มา :http://book.dou.us/doku.php?id=df404:11

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น